วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2552

นักวิจัยชี้ ข่าวบุหรี่ ช่วยโจ๋ลดการสูบ
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)

วันที่ 21 เมษายน ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า รายงานวิจัยจากภาควิชาพฤติกรรม และสังคมศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ที่ทำการวิเคราะห์ข่าว บทความที่เกี่ยวกับบุหรี่ 8,390 ชิ้น จากหนังสือพิมพ์ 386 ฉบับ ที่ออกเผยแพร่ระหว่าง พ.ศ. 2544 - 2546 เปรียบเทียบกับความคดเห็นขอวัยรุ่นระดับมัธยมต้น ถึงมัธยมปลาย จากท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศที่ข่าวปรากฏ 98,747 คน พบว่าทุก ๆ 10 ข่าวที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ในแต่ละท้องถิ่นจะมีผลต่อการรับรู้ของวัยรุ่น และวัยรุ่นเห็นด้วยถึงอันตรายของการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 โดยพบว่าอัตราการสูบบุหรี่ใน 30 วันที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 7 มีทัศนคติที่ไม่เห็นด้วยกับการสูบบุหรี่ และประเมินว่าเพื่อน ๆ มีอัตราการสูบบุหรี่ที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิต


อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์เหล่านี้พบเฉพาะกับจำนวนข่าวที่ปรากฎ แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับประเภท และคุณภาพข่าว และไม่ส่งผลต่อการลดจำนวนมวนบุหรี่ที่สูบต่อวัน ในวัยรุ่นที่ติดบุหรี่แล้ว วัยรุ่นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ประมาณ 1 ใน 3 และระดับมัธยมปลายครึ่งหนึ่งอ่านหนังสือพมิพ์


ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า คณะผู้วิจัยสรุปว่า จำนวนข่าวที่ลงเกี่ยวกับบุหรี่ในหนังสือพิมพ์ส่งผลต่อการไม่เห็นด้วยกับการสูบบุหรี่ และลดการริเร่มการสูบบุหรี่ของวัยรุ่น แม้ว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ และข่าวที่ปรากฎในหนังสือพิมพ์ น่าจะส่งผลให้เกิดการพูดถึงประเด็นบุหรี่ และสุขภาพในครอบครัว โรงเรียน ชุมชน และผู้บริหารท้องถิ่น นำไปสู่การกำหนดมาตรการ และนโยบาย ควบคุมการสูบบุหรี่ และส่งผลทางอ้อมต่อทัศนคติ และพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของวัยรุ่น คณะผู้วิจัยจะเสนอแนะฝ่ายที่รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ให้เห็นความสำคัญของทำให้ประเด็นบุหรี่ปรากฎเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่ามีผลต่อการลดจำนวนวัยรุ่นที่จะเสพติดบุหรี่

(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)


"จากการเฝ้าติดตามพบว่า ในปี 2548 มีชิ้นข่าวที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย รวม 1,643 ชิ้น เป็นขี่าวจากมูลนิธิฯ 268 ชิ้น กระทรวงสาธารณสุข 210 ชิ้น องค์กรนานาชาติ 209 ชิ้น หน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ 143 ชิ้น บริษัทบุหรี่ 87 ชิ้น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 42 ชิ้น และแหล่งอื่น ๆ อีก 684 ชิ้น" ศ.นพ. ประกิต กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น: