วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552


เครือข่ายครูฯ นำเยาวชน ร่วมเสวนา ‘จะรับมือพ่อค้าบุหรี่อย่างไร?’










มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย และเครือข่ายการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งอาเซียน (SEATCA) จัดการเสวนาเรื่อง “จะรับมือกับพ่อค้าบุหรี่อย่างไร” ขึ้น เพื่อระดมความคิดจากเครือข่ายนักรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เครือข่ายเด็กและเยาวชน และเครือข่ายครอบครัว ในการเฝ้าระวังการจัดงาน TABINFO ASIA 2009 ซึ่งเป็นงานเอ็กซโปขนาดใหญ่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยาสูบ ที่มีกำหนดจัดขึ้นในประเทศไทย ช่วงวันที่ 11-13 พฤศจิกายนนี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีผู้ดำเนินรายการคนดัง คุณภัทร จึงกานต์กุล ผู้ประกาศข่าวจากสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7

1. อะไรคือ TABINFO ASIA 2009
· เป็นงานแสดงสินค้าและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่และยาสูบประเภทอื่นๆ ของอุตสาหกรรมยาสูบทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่กระบวนการได้มาซึ่งใบยาสูบผ่านกระบวนการผลิตจนกระทั่งเป็นผลิตภัณฑ์ยาสูบในรูปแบบต่างๆที่วางจำหน่ายลักษณะงานประกอบด้วยการแสดงบูธของบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยาสูบ ได้แก่
- ใบยาสูบ การจัดเก็บสต๊อกใบยาสูบ การขนส่ง ผู้เพาะปลูกใบยาสูบ
- เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บรรจุภัณฑ์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ส่วนประกอบของบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ยาสูบ เช่น กระดาษฟอยล์ หีบห่อ การพิมพ์
- ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ เช่น กระดาษมวนบุหรี่ ก้นกรองบุหรี่ ฟิวเตอร์ สารปรุงแต่งกลิ่น รสชาติ กาว และอื่นๆ
- การแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบที่พัฒนารูปแบบใหม่ หรือยี่ห้อใหม่
- องค์กร หรือธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยาสูบ เช่น บริษัทให้คำแนะนำในการดำเนินกิจการ ศูนย์ข้อมูล/วิจัย บริษัทโฆษณาและส่งเสริมการขาย ผู้จัดจำหน่าย ในประเทศและต่างประเทศ หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง
· งานแสดงสินค้ายาสูบนี้เมื่อจัดที่ประเทศในยุโรปใช้ชื่อว่า TABEXPO เมื่อมาจัดที่ประเทศไทยและประเทศในเอเชียเปลี่ยนชื่อเป็น TABINFO แต่วัตถุประสงค์และลักษณะงานเหมือนกัน
· ในงานมีส่วนของการประชุมสัมมนาของกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสูบ

2. วัตถุประสงค์ของการจัด TABINFO ASIA 2009
· เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆ ของอุตสาหกรรมยาสูบได้พบกัน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยาสูบทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการทำการตลาดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการมาร่วมแสดงสินค้าประมาณ 250 บริษัท และมีผู้เข้าชมงาน 4,000 - 6,000 คน

3. ทำไมภาคีจึงไม่สนับสนุนให้มีการจัด TABINFO ASIA 2009 ที่ประเทศไทย
ผลกระทบเรื่องภาพพจน์
1. ประเทศไทยได้ร่วมลงนามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการบริโภคยาสูบ การเป็นเจ้าภาพและเป็นสถานที่จัดงานเพื่อส่งเสริมการตลาดยาสูบเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของอนุสัญญาดังกล่าวโดยตรง
2. ประเทศไทยเป็นผู้นำเรื่องการควบคุมยาสูบที่ได้รับการยอมรับอย่างมากทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก การยอมให้มีการจัดแสดงสินค้ายาสูบระดับนานาชาติเช่นนี้โดยไม่ทำอะไรเลย อาจจะเป็นการส่งสัญญาณถึงการยอมรับของการจัดงานนี้อีกเรื่อยๆ ในอนาคต
3. ประเทศไทยเป็นประธานการจัดประชุม ASEAN summit 2009 ซึ่งแสดงถึงบทบาทสำคัญของความเป็นผู้นำของประเทศไทยในภูมิภาคนี้ ซึ่งการเป็นเจ้าภาพและเจ้าของสถานที่จัดงานแสดงสินค้าที่ส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของคนในภูมิภาค อาจทำให้ความน่าเชื่อถือของประเทศลดลงในสายตาของประชาคมอาเซียน
4. ประเทศไทยมีกฎหมายห้ามโฆษณาสินค้ายาสูบไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดๆ งานแสดงสินค้ายาสูบต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเช่นเดียวกัน

ผลกระทบต่อเยาวชนจะมีโอกาสถูกกระตุ้นให้สูบบุหรี่มากขึ้น
1. การลงทุนเพื่อพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ยาสูบใหม่ๆ ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้
- ได้สินค้าใหม่ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าสินค้าเดิม หรือพูดง่ายๆ คือ เพื่อให้สามารถขายสินค้าได้มากกว่าเดิม
- เพื่อขยายตลาด ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ที่ติดบุหรี่อยู่แล้วมักจะสูบบุหรี่
ยี่ห้อเดิม ในขณะที่กลุ่มผู้สูบบุหรี่หน้าใหม่ ซึ่งมีอายุเฉลี่ยที่เริ่มสูบบุหรี่ที่อายุ 18 ปีก็มักจะเลือกบุหรี่ยี่ห้อแรกที่ลองเป็นบุหรี่ที่จะสูบตลอดไป ดังนั้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จึงเป็นจุดสำคัญที่สามารถดึงดูดผู้สูบบุหรี่หน้าใหม่ได้
2. เป็นการส่งสัญญาณให้เยาวชนคิดว่าการสูบบุหรี่เป็นเรื่องที่ปกติ เพราะอุตสาหกรรมยาสูบสามารถจัดงานยิ่งใหญ่ในสถานที่จัดงานที่เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทย
เยาวชนร้องขอผู้ใหญ่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับบริษัทบุหรี่
นางสาวดวงกมล ภวภูตานนท์ฯ นักเรียน ร.ร. รัตนโกสินทร์สมโภชบางขุนเทียน ได้แสดงถึงความเป็นห่วงของเยาวชนเกี่ยวกับการประชุม และเชิญชวนเพื่อนนักเรียนมอบดอกไม้ขอบคุณวิทยากรที่มาร่วมระดมสมองเพื่อคุ้มครองเยาวชน ดวงกมลกล่าวว่า พวกเรารู้สึกตกใจมากที่จะมีการจัดงานเอ๊กซโปของบริษัทบุหรี่ขึ้นที่ประเทศไทย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยได้พยายามรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ การที่เขาเลือกมาจัดงานใหญ่ระดับนานาชาตินี้ถึงในบ้านเรา จึงเป็นเรื่องที่แน่นอนว่า บริษัทบุหรี่คิดไม่ดีกับเด็กไทยแน่ๆ พวกเราจึงขอเรียกร้องดังนี้
1. ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามดูงานเอ๊กซโปนี้อย่างใกล้ชิดว่าจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมายหรือไม่
2. ขอให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอย่าไปร่วมกิจกรรมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดงาน หรือการเยี่ยมชมบูธต่างๆก็ตาม เพราะถึงอย่างไรก็เป็นงานขายสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งไม่น่าจะไปยุ่งเกี่ยว จะทำให้เสียภาพพจน์ของประเทศไทย
3. ขอให้พี่ๆ สื่อมวลชน ไม่นำเสนอข่าวงาน TABINFO ASIA 2009 ทางสื่อต่างๆ เพราะการเสนอข่าวดังกล่าวเท่ากับเป็นการโฆษณาทางอ้อมให้แก่บริษัทบุหรี่
พ่อค้าบุหรี่ฆ่าลูกค้าตัวเอง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้วมีการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ในมาเลเซีย และไม่เคยคิดว่าบริษัทบุหรี่จะมาจัดที่ประเทศไทย และมีข้อมูลขององค์การอนามัยโลกที่ชี้ให้เห็นว่า การระบาดของโรคต่างๆ ล้วนมีต้นเหตุจากพาหะนำโรค แต่สำหรับการระบาดของโรคที่เกิดจากบุหรี่นั้นไม่ใช่ระบาดเพราะเชื้อโรค แต่ระบาดเพราะการทำตลาดของบริษัทบุหรี่ จึงอยากเชิญชวนทุกคนร่วมระดมสมองว่า เราควรดำเนินการอย่างไรที่จะเปิดโปงและสกัดกั้นการทำตลาดของบริษัทบุหรี่ ที่เป็นพาหะของโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เพราะน่ากลัวเหลือเกิน โดยดูได้จากคำโฆษณาเชิญชวนการเข้าร่วมงานเอ็กซโปของบริษัทบุหรี่ในครั้งนี้ ที่เขียนไว้ว่า “ถ้าคุณเกี่ยวข้องอยู่ในอุตสาหกรรมยาสูบในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นี่เป็นกิจกรรมที่คุณพลาดไม่ได้ นี่เป็นโอกาสที่คุณจะได้พบปะกับผู้ที่มีบทบาทหลักในตลาดยาสูบที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด” คำโฆษณาบอกถึงเป้าหมายของการทำตลาดในเอเชีย ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทบุหรี่ และที่เขาบอกว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุด การเติบโตของตลาดบุหรี่ล้วนมาจากนักสูบหน้าใหม่ ซึ่งก็คือเยาวชนในเอเชียรวมถึงประเทศไทย จึงต้องมีการระดมความคิดเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงนี้อย่างรู้เท่าทัน

มาตรการป้องกันคนไทยจากพ่อค้าบุหรี่
นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ได้กล่าวถึง วัตถุประสงค์ของการจัดงานเอ็กซโปบุหรี่ขึ้นในบ้านเราว่า เป็นความตั้งใจในการทดสอบสมรรถนะหรือความสามารถในการควบคุมยาสูบไทย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งในการควบคุมยาสูบ สำหรับทางกระทรวงสาธารณสุข จะมีการดำเนินมาตรการต่างๆ ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบที่ประเทศไทยได้ลงนามไป และจะออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมพ่อค้าบุหรี่ ได้แก่ การสกัดกั้นการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบเพื่อป้องกันเยาวชนในทุกรูปแบบ การห้ามโฆษณาหรือแสดงชื่อผลิตภัณฑ์ยาสูบ หรือเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ยาสูบทางสื่อสารมวลชนต่างๆ การห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาสูบกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นต้น ซึ่งหากการจัดงานเอ็กซโปครั้งนี้มีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมาย และดำเนินการตามมาตรา 5.3 ของกรอบอนุสัญญาที่กำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ไม่เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมใดๆ ที่จัดโดยบริษัทบุหรี่

บริษัทบุหรี่ขาดความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน
อาจารย์เทวินทร์ อินทรจำนงค์ ผู้แทนจากสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ นำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับภาพลักษณ์การประกอบวิชาชีพ จากประชาชนอายุ 18 – 60 ปี จำนวน 1,199 คน พบว่า ผู้ประกอบการอาชีพธุรกิจบุหรี่รายใหญ่ได้รับความน่าเชื่อถือน้อยที่สุด เป็นลำดับที่ 3 รองจากนักการเมืองและผู้ประกอบธุรกิจแอลกอฮอล์ โดยประชาชนได้ให้เหตุผลถึงความไม่เชื่อถือต่อผู้ประกอบการธุรกิจบุหรี่และแอลกอฮอล์ว่า เป็นเพราะธุรกิจนี้ผลิตสินค้าที่ทำลายสุขภาพ เป็นธุรกิจที่ไม่ส่งผลดีต่อสังคม เป็นอันตรายต่อส่วนรวม และเป็นการส่งเสริมให้ผู้คนติดสิ่งเสพติดและสิ่งมึนเมา
ทำไมจึงนิ่งเฉยไม่ได้เมื่อพ่อค้าบุหรี่จัดงานเอ็กซโปในประเทศไทย

ผศ.ดร.ปิยรัตน์ นิ่มเจริญพงศ์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่า งานเหล่านี้แต่เดิมบริษัทบุหรี่ใช้ชื่อว่า “EXPO” ซึ่งหมายถึงงานแสดงสินค้า แต่ระยะหลังเปลี่ยนชื่องานนี้เป็น “TEBINFO” เพื่อลดกระแสต่อต้านจากสังคม ซึ่งเป็นการประชุมให้ข้อมูลกับผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดยาสูบ ผศ.ดร.ปิยะรัตน์ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพราะประเทศไทยเป็นประตูเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่เป็นตลาดยาสูบที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุด และข้อสำคัญประเทศไทยเป็นผู้นำในการควบคุมยาสูบที่ดีอันต้นๆ ของโลก หากจัดที่ประเทศไทยได้ นั่นหมายถึงมีชัยชนะต่อการควบคุมยาสูบ ดังนั้นเราจึงนิ่งเฉยไม่ได้ เนื่องจากการจัดงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมยาสูบ จะเป็นการส่งเสริมและขยายผลรูปแบบนวตกรรมใหม่ๆ ของสินค้าแห่งความตาย และส่งผลให้เยาวชนเข้าถึงสินค้าบุหรี่ได้มากกว่าเดิม การจัดงานนี้เป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดของเครือข่ายอุตสาหกรรมยาสูบ ซึ่งเป็นอันตรายต่อประเทศต่างๆ ในการสกัดกั้น และยังได้แลกเปลี่ยนวิธีการและเทคนิคการขัดขวางและแทรกแซงกฎหมายควบคุมยาสูบ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย สิ่งเหล่านี้เป็นการบั่นทอนการทำงานควบคุมยาสูบ ซึ่งหากเราไม่ทำอะไรคงคาดเดากันได้ว่า “อนาคตของเยาวชนจะเป็นอย่างไรกับสินค้าที่ขายความตายกับผู้บริโภค”

บทเรียนจากมาเลเซียให้ข้อคิดกับประเทศไทย
คุณบังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งอาเซียน (SEATCA) นำเสนอบทเรียนจากประเทศมาเลเซียว่า เพื่อนนักรณรงค์ในประเทศมาเลเซียได้เข้าไปร่วมสังเกตการณ์ในงาน และได้ถ่ายภาพโฆษณาเป็นภาพผู้หญิงในมือคีบบุหรี่ที่สวยงามมาก สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทบุหรี่พุ่งเป้าการตลาดมาที่ผู้หญิง และงานนี้มีเป้าหมายในการแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ ที่สามารถทำตลาดได้แม้จะมีกฎหมายที่เข้มงวด อย่างเช่น การแสดงซองบุหรี่ต่างๆ เช่น ซองบุหรี่แบบแยกเป็น 2 ด้านได้ เพื่อให้ดูเหมือนกระเป๋าใส่ของ เป็นการออกแบบเพื่อต้านกฎหมายห้ามแบ่งขายบุหรี่ ซึ่งมีข้อมูลมาว่าบริษัทบุหรี่เคยเสนอนำเข้าซองแบบนี้ในประเทศไทย แต่กระทรวงสาธารณสุขของไทยไม่อนุญาต อีกแบบเป็นการออกแบบซอง ที่เป็นวิทยาการใหม่ทำให้ยี่ห้อบุหรี่มองเห็นในที่มืด เป็นเทคนิคแบล็คไลท์ ซึ่งสามารถนำไปโฆษณาตามผับบาร์ได้ หรือนวัตกรรมประเภทออกแบบซองให้มีลักษณะเหมือนกล่องลิปสติก ในกล่องมีบุหรี่มวนสวยงามที่แสดงถึงการพุ่งเป้าหมายมาที่ผู้หญิง อีกทั้งลักษณะการออกแบบซองเช่นนี้จะทำให้คำเตือนบนซองบุหรี่ที่เป็นรูปภาพไม่มีความหมาย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จะเป็นบทเรียนสำคัญที่ควรจับตามอง และดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อเปิดโปงให้สังคมรับทราบ ดังเช่นประเทศมาเลเซียสื่อมวลชนได้ให้ความร่วมมือนำเสนอข่าวการต่อต้านงานเอ็กซโป ซึ่งเป็นการสร้างความตื่นตัวให้กับสาธารณะในการรู้เท่าทันการตลาดของบริษัทบุหรี่

ข้อเสนอจากที่ประชุม “จะรับมือพ่อค้าบุหรี่อย่างไร”
1. เราต้องเปลี่ยนวิกฤตของการจัดเอ็กซโปบุหรี่ในไทยให้เป็นโอกาสในการให้การศึกษากับสังคมถึงเรื่องกลยุทธ์การตลาดของบริษัทบุหรี่ และนำมาเป็นตัวกระตุ้นการพัฒนามาตรการควบคุมยาสูบของไทยให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น
2. ใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาสของการเปิดโปงกลยุทธ์การตลาดของบริษัทบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรมให้แก่สังคม
3. เป็นโอกาสของการสร้างความร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในการเปิดโปงกลยุทธ์การตลาดของบริษัทบุหรี่กับภาคีต่างๆ ในสังคม
4. ใช้มาตรการทางกฎหมายของไทยหากมีการกระทำผิดกฎหมาย เช่น การให้สูบบุหรี่ในงาน การโฆษณาสินค้าบุหรี่ หรือการขายบุหรี่ เป็นต้น
5. สร้างสรรค์งานวิชาการเพื่อคัดง้างนวัตกรรมการตลาดของบริษัทบุหรี่
6. พัฒนากลยุทธ์การสื่อสารที่ทันกับนวัตกรรมการตลาดของบริษัทบุหรี่
7. ให้เยาวชนเป็นผู้นำและผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานครั้งนี้และจะเป็นผู้ที่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ในการควบคุมยาสูบ และปกป้องตนเองจากการเป็นเหยื่อการตลาดของบริษัทบุหรี่
เรียบเรียงโดย : ชูรุณี พิชญกุลมงคล ฝ่ายศูนย์ข้อมูล มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ วันที่ 23 มิถุนายน 2552 / www.ashthailand.or.th

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2552



เครือข่ายครูฯคลอดคู่มือครูร่วมรณรงค์วันต่อต้านยาเสพติด


แม้ว่าบริษัทบุหรี่จะค้นพบว่าบุหรี่เป็นยาเสพติดที่ผู้สูบจะเสพติดไปถึง 23 ปี และทำลายสุขภาพทั้งผู้สูบและผู้ที่ได้รับควันบุหรี่ แต่เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ บริษัทบุหรี่กลับขยายตลาดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นเยาวชนเพื่อทดแทนกลุ่มลูกค้าที่ทยอยเลิกสูบเพราะเจ็บป่วยและเสียชีวิตไปในทุกๆปี


คุณครูศุภรัตน์ ตันติเวชวงศ์ โรงเรียนสุวรรณสุทธารามวิทยา ในฐานะประธานเครือข่ายครูนักรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า โรงเรียนเป็นที่คาดหวังของสังคมในการพัฒนาเยาวชนให้มีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคม และจิตใจ รวมถึงการดูแลเยาวชนให้มีทักษะในการดำเนินชีวิตที่ปลอดจากยาเสพติดทั้งมวล ดังนั้น การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อรณรงค์ให้โรงเรียนปลอดบุหรี่จึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลเยาวชนให้เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่สูบบุหรี่


ในโอกาสวันที่ 26 มิถุนายนซึ่งเป็นวันต่อต้านยาเสพติด เครือข่ายครูนักรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ จึงได้จัดทำคู่มือครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โรงเรียนปลอดบุหรี่ที่มีการพัฒนาปรับปรุงให้เข้าใจง่ายและสะดวกแก่การใช้งาน โดยหวังว่าคู่มือดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่ครูที่จะนำไปบูรณาการสอนในชั่วโมงปกติหรือในชั่วโมงนอกหลักสูตรเพื่อป้องกันนักเรียนให้รอดพ้นจากการตกเป็นทาสบุหรี่ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเสพยาเสพติดชนิดอื่น


เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาสาระที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ที่ควรรู้รวม 14 เรื่องที่สำคัญ อาทิ ความเป็นมาของบุหรี่ สารพิษในบุหรี่ สาเหตุการสูบและการติดบุหรี่ ผลกระทบทั้งตัวผู้สูบและคนรอบข้าง (ควันบุหรี่มือสอง) นอกจากนี้ยังมีเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ รวมถึงการเปิดโปงกลยุทธ์บริษัทบุหรี่ที่พยายามหลอกล่อเยาวชนไทยให้ตกเป็นทาสของบุหรี่ด้วย


ด้าน ศ.นพ.ประกิต สาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า แม้ว่าจะมีกฎหมายกำหนดให้โรงเรียนเป็นเขตปลอดบุหรี่ 100% และการห้ามขายบุหรี่แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทำให้โรงเรียนปลอดบุหรี่จริงๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำให้นักเรียนรู้ถึงประเด็นของบุหรี่กับสังคมและสุขภาพก่อน เพราะตามสถิติพบว่า คนที่รู้เรื่องบุหรี่กับสังคมและสุขภาพยิ่งมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเข้าไปเสพติดบุหรี่ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น หวังว่าคู่มือครูจัดกิจกรรมการเรียนรู้โรงเรียนปลอดบุหรี่ จะเป็นเครื่องมือในการทำให้โรงเรียนปลอดบุหรี่ เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้จริงตามเจตนารมณ์ของทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง


คุณครูท่านใดหรือโรงเรียนใดสนใจนำหนังสือเล่มนี้ไปใช้ประโยชน์ ติดต่อได้ คุณธวัชชัย ก่อบุญ โทรศัพท์ 0-2278-1828 , 08-4127-8624 หรือที่อีเมล์ thawatchai@ashthailand.or.th และสามารถดาวน์โหลดไฟล์หนังสือในรูปแบบ PDF ได้ที่ http://www.ashthailand.or.th/teachers


ดาวน์โหลดคู่มือครู จัดกิจกรรมการเรียนรู้โรงเรียนปลอดบุหรี่

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ACTION ON SMOKING AND HEALTH FOUNDATION
ศูนย์ข่าว มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

วันที่ 3 มิถุนายน 2552
วันที่ข่าวตีพิมพ์ : สามารถเผยแพร่ได้ทันที


บุหรี่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลกถึงข้อมูลที่ธุรกิจยาสูบและการสูบบุหรี่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อม และส่งผลต่อภาวะโลกร้อน โดยควันบุหรี่ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน การสูบบุหรี่ทั่วโลกก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2.6 ล้านตัน และก๊าซมีเทน 5.2 ล้านตันต่อปี ในขณะที่การทำไร่ยาสูบและขบวนการผลิตบุหรี่ ทำให้เกิดการทำลายป่า ทำให้มีป่าไม้ที่จะดูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง


โดยข้อมูลที่สำรวจโดยธนาคารโลก เมื่อ พ.ศ. 2527 ทั่วโลกใช้ฟืนบ่มใบยาต่อปี เท่ากับ 175 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องใช้ฟืนจำนวนพื้นที่ป่าเท่ากับ 15.5 ล้านไร่ และมีพื้นที่ป่าที่จะต้องปลูกทดแทน 108 ล้านไร่ อันเป็นผลจากการทำไร่ยาสูบ และเนื่องจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกขณะ เชื้อเพลิงที่ใช้ในการบ่มใบยาจึงยังคงเป็นไม้ฟืนจากการทำลายป่า ทั้งนี้ทั่วโลกมี 120 ประเทศ ที่มีพื้นที่ทำไร่ยาสูบรวมกว่า 4 ล้านเอเคอร์ ร้อยละ 85 ของการทำไร่ยาสูบอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา การทำไร่ยาสูบต้องใช้ยาฆ่าแมลงและยาฆ่าวัชพืชเป็นจำนวนมาก สารพิษเหล่านี้จะตกค้างอยู่ในพื้นดินและลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ การทำไร่ยาสูบมีผลตอบแทนสูง แต่ผลตอบแทนส่วนใหญ่ตกเป็นของบริษัทบุหรี่และพ่อค้าคนกลาง ชาวไร่ยาสูบต้องทำงานหนักที่สุดแต่เป็นฝ่ายที่ได้รับผลตอบแทนต่ำที่สุดในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตบุหรี่
นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเป็นสาเหตุของไฟไหม้ป่าและไฟป่า ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น โดยการสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ ร้อยละ 10 ของไฟไหม้ทั่วโลก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 แสนคน สร้างความเสียหายของทรัพย์สินเท่ากับ สองหมื่นเจ็ดพันล้านดอลลาร์


นอกจากภาวะโลกร้อนแล้ว การสูบบุหรี่ยังทำให้เกิดขยะในรูปของซองบุหรี่และก้นบุหรี่จำนวนมาก ก้นบุหรี่เหล่านี้ทำด้วยเซลลูโลสอะซิเตท ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่ต้องใช้เวลาย่อยสลาย 10 ถึง 15 ปี ในสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ในแต่ละปีมีก้นบุหรี่กว่า 5 ล้านล้านชิ้นทั่วโลก มีน้ำหนักรวมกันถึง 845,000 ตัน ข้อมูลจาก 91 ประเทศที่มีชายทะเลและชายหาด ในปี พ.ศ. 2546 พบว่า ขยะที่เกิดจากบุหรี่อันประกอบด้วยซองและก้นบุหรี่มีปริมาณหนึ่งในสามของขยะทั้งหมดของชายทะเลและชายหาด ก้นบุหรี่เป็นขยะที่สำคัญในท้องถนน


ในเมืองใหญ่ อันเป็นผลจากการห้ามสูบบุหรี่ในอาคาร ก้นบุหรี่เหล่านี้ถูกทิ้งตามข้างถนน ถูกน้ำพัดพาลงคูคลอง จนลงสู่ทะเล อาจจะถูกกินโดยนกและปลา ส่วนที่ตกค้างอยู่ในดินยาเส้นที่หลงเหลืออยู่ก็จะเป็นสารพิษ เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เฉพาะประเทศไทยในแต่ละวันมีก้นบุหรี่เกิดขึ้นกว่า 100 ล้านชิ้น ตกค้างอยู่ในที่ต่าง ๆ


ที่สำคัญควันบุหรี่เป็นมลพิษในอากาศภายในอาคารที่อันตรายที่สุด โดยควันบุหรี่ในสิ่งแวดล้อมประกอบด้วยสารพิษมากกว่า 250 ชนิด และเป็นสารก่อมะเร็งมากกว่า 60 ชนิด ครึ่งหนึ่งของเด็ก ๆ ทั่วโลก หรือเท่ากับ 700 ล้านคน ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้านและในที่สาธารณะ ในขณะที่มีคนไทย 16 ล้านคน ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน ไอแอลโอ หรือ องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ ประเมินว่าในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองในที่ทำงาน 2 แสนคน และองค์การอนามัยโลกระบุว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการได้รับควันบุหรี่มือสองปีละ 5 แสนคน


ศ.นพ.ประกิต เรียกร้องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ให้ผู้สูบบุหรี่ทิ้งก้นบุหรี่ในที่เก็บขยะ ไม่ทิ้งบุหรี่ตามข้างทางขณะที่ขับรถ ขอความร่วมมือให้ไม่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะ ที่ทำงาน และในบ้าน เพื่อลดโอกาสที่คนอื่นจะได้รับควันบุหรี่มือสอง และเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีที่ประเทศไทยมีภายใต้อนุสัญญาควบคุมการบริโภคยาสูบองค์การอนามัยโลก ที่จะต้องทำให้ประเทศไทยปลอดบุหรี่ในที่สาธารณะ และที่ทำงาน ภายในปี พ.ศ. 2553


ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
โทร. 02-278-1828 / 081-822-9799


วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2552


กิจกรรมเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2552

Tobacco Health Warnings “เตือน! ควันบุหรี่ฆ่าคุณ”
วันเสาร์ที่ 30 – วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2552
ณ บริเวณลานเอนกประสงค์ ตลาดนัดสวนจตุจักร ทางเข้าประตู 1
ฝั่งถนนกำแพงเพชร (ด้านหน้ากองอำนวยการ )
จัดโดย มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)


วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2552
11.00 น. ซุ้มกิจกรรมต่าง ๆ
12.00 น. พิธีกรเริ่มแนะนำตัวโครงการพร้อมเล่นเกมแจกของรางวัล
14.00 น. เริ่มลงทะเบียนสื่อมวลชนพร้อมรับของที่ระลึก
14.30 น. ขบวนพาเหรดจากสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงในประเทศไทย เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากจุด
เริ่มต้น
ณ โรงแรมอลิซาเบธ (สะพานควาย)
15.00 น. การแสดงของนักรณรงค์ จาก นักเรียนเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่
15.30 น. ขบวนพาเหรดจากสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงในประเทศไทย เริ่มเคลื่อนเข้าสู่บริเวณลานเอนกประสงค์
16.00 น. เข้าสู่พิธีเปิด
พิธีเปิดงาน/ร่วมกิจกรรมบริเวณงาน
ประธาน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ร่วมกับ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ดร.ไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ผู้อำนวยการตลาดนัดสวนจตุจักร
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
คณะกรรมการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ประจำประเทศไทย
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้อำนวยการสำนักโรคไม่ติดต่อ
ผู้แทนกลุ่มควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

ผู้แทนเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่
ผู้แทนศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)
นายกสมาคมผู้ไร้กล่องเสียงในประเทศไทย
ดารา – นักแสดง ….
4 พิธีกรสาว ปอ ปุณยวีย์ สุขกุลเศรษฐ์, ปราย ธนาอัมพุช, กระเต็น วราภรณ์ สมพงษ์ และ ดาว อภิสรา นุตยกุล จากรายการ 30 ยังแจ๋ว จากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ,บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด
โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร, มด-คุณัชญา ชัยรัตน์ และ แบ๊งค์-วงแบล็ควานิลา อธิกิตต์ พริ้งพร้อม ศิลปิน จากบริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน)
คณะมีสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส จากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบก ช่อง 7
ศิลปิน จากบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน)
คณะมีสทีนไทยแลนด์ จาก บริษัท อินสไพร์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด

16.00 น. การแสดงชุด Tobacco Health Warnings “เตือน! ควันบุหรี่ฆ่าคุณ”
16.05 น. กล่าวรายงาน โดย ดร.ไพโรจน์ เปรมปรีดิ์ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่
ประธานกล่าวเปิดงาน โดย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
16.10 น. พิธีปล่อยบอลลูนปลอดบุหรี่
16.15 น. การแสดงมินิคอนเสิร์ต จาก ศิลปินค่ายต่าง ๆ
นำโดย ศิลปิน โฟร์ – มด พรีเซ็นเตอร์ ของมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ปี 2552 จากบริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน) ศิลปินค่ายต่าง ๆ
การแสดง ของนักรณรงค์รุ่นเยาว์ จากโรงเรียนอนุบาลเด่นหล้า
16.45 น. พิธีมอบรางวัลการประกวดสื่อสร้างสรรค์วัยมันไร้ควันบุหรี่ ครั้งที่ 3 ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี No Smoking Creative Media Challenge 2009
17.00 น. 4 พิธีกรสาว ปอ ปุณยวีย์ สุขกุลเศรษฐ์, ปราย ธนาอัมพุช, กระเต็น วราภรณ์ สมพงษ์ และ ดาว อภิสรา นุตยกุล จากรายการ 30 ยังแจ๋วช่อง 3 ชวนคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เตือนพิษภัยบุหรี่จาก ได้แก่
- นท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล ภาควิชาศัลยศาสตร์ เรื่อง สมรรถภาพทางเพศ
- อ.นพ.ธีระศักดิ์ แก้วอมตวงศ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ เรื่องปอด - อ.นพ.ปริญญ์ วาทีสาธกกิจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ เรื่องหัวใจ
17.30 พิธีปล่อยขบวนพาเหรดเยาวชนอาสาสมัคร
17.45 การแสดงละครคนหน้าขาว “ภัยร้ายจากบุหรี่”
18.00 น. ปิดเวที
ดำเนินรายการโดย อาจารย์พิศาล อุตสาหพงษ์

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม 2552
11.00 น. ซุ้มกิจกรรมต่าง ๆ
12.00 น. พิธีกรเริ่มแนะนำตัวโครงการพร้อมเล่นเกมแจกของรางวัล
13.00 น. การแสดง ของนักรณรงค์รุ่นเยาว์ จาก โรงเรียนเด่นหล้า พระราม 5
13.30 น. การแสดง ของนักรณรงค์ จาก นักเรียนเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่
15.00 น. ขบวนพาเหรดเยาวชนอาสาสมัคร

กิจกรรมภายในงานแบ่งเป็น กิจกรรมบนเวที และกิจกรรมภายในบูธของภาคีเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ โรงเรียนแกนนำเครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่ และ บูธตรวจสุขภาพ ของ
- เครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่
- ศูนย์รับแจ้งเรื่องร้องเรียนบุหรี่และสุรา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
- โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมรถบัสตรวจสุขภาพ
- ทันตแพทยสภา / กองทันตสาธารณสุข
- เครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรมเพื่อควบคุมยาสูบ
- สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ
- สมาคมแพทย์แผนไทย
- ศูนย์บริการเลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์แห่งชาติ (ศบช.)
- เครือข่ายโรงเรียนปลอดบุหรี่
- นิทรรศการ Tobacco Health Warnings “เตือน! ควันบุหรี่ฆ่าคุณ”
- กิจกรรมฐานความรู้เรื่องบุหรี่
- ซุ้มกิจกรรมเกมมหาสนุก
- ซุ้มประดิษฐ์เข็มกลัดภาพถ่ายของอาสาสมัครเตือนภัยบุหรี่ / พวงกุญแจควันบุหรี่ทำร้ายคนใกล้ชิด
- ซุ้มกิจกรรมเผยแพร่สื่อรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ต่าง ๆ เช่น โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ แผ่นพับ ที่รองแก้ว และสื่ออื่น ๆ ฟรี!


ท่านใดสนใจร่วมกิจกรรมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวัลภา / คุณชวาลา มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ โทร.0-2278-1828 โทรสาร.0-2278-1830

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ประธานเครือข่ายวิชาวิชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทย ปลอดบุหรี่และ นอ.นพ. ไพศาล จันทรพิทักษ์ร่วมกันแถลงข่าว"ทีม สุขภาพร่วมใจ เดิน-วิ่ง ขจัดภัยบุหรี่" ครั้งที่ 5 ที่ห้องสัมมนา 4-6 อาคาร เฉลิมพระบารมี 50 ปี แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยเมื่อวานนี้


ที่มา หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 พฤษภาคม 52
วันงดสูบบุหรี่โลก


วันที่31 พ.ค.เป็น " วันงดสูบบุหรี่โลก" 2 หน่วยงาน หลัก ทั้งกระทรวงสาธารณสูจ และมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ได้คัดเลือกศิลปินจาก บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมรณรงค์ ชวนคนรุ่นใหม่ไม่สูบบุหรี่ "บุหรี่มีพิษ ร่วมคิดเตือนภัย"ซึ่ง เฟย์ ฟาง แก้ว (เฟย์- พรปวีณ์ นีระสิงห์, ฟาง- ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, แก้ว - จริญญา ศิริมลคลสกุล) ได้ถ่ายโปสเตอร์รณรงค์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข และแบงค์ แบล๊ควานิลา (พรชัย พริ้งพร้อม) เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

ที่มา หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 14 พ.ค. 2552
จับตากองทัพมดขนเหล้า-บุหรี่ชายแดนใต้

โพสต์ทูเดย์ - ศิลกากรภาค 4 คุมเข้มชายแดนไทย- เมเลเซีย ป้องกันกองทัพมดขนเหล้า - บุหรี่เถื่อน



นายชาญชัย ชอบชื่นชม ผอ.ศุลกากร ภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด่านศิลกากรในพื้นที่ภาคใต้ทั้ง16 ด่าน เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันเฝ้าระวัง และติดตามความเคลื่อนไหว ไม่ให้มีการลักลอบขนสินค้าหนีภาษีทั้งเหล้าและบุหรี่เข้าประเทศบริเวณแนวพรมแดนไทย -เมเลเซีย ในช่วงที่รัฐบาล ประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิต


ทั้งนี้ ยังไม่สามารถตรวจยึดสินค้าผิดกฎหมายและกลุ่มลักลอบขนสินค้าหนีภาษีบริเวณชายแดนไทย-เมเลเซียได้ขณะเดียวกันก็ไม่ประมาทเนื่องจากพบว่ามีความผิดปกติหลายอย่างเกิดขึ้นเช่นมีประชาชน และนักท่องเที่ยวจะซื้อบุหรี่ และสุรา จากประเทศเพื่อนบ้านติดตัวมาด้วยเกือบทุกคน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือกองทัพมดที่หันมาลักลอบขนสินค้าทีละเล็กละน้อยโดยแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยวข้ามพรมแดนไปซื้อสินค้ากลับเข้ามาในประเทศ นอกจากนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้าทางเรือด้วยโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.สตูล

สำหรับ จ.สตูล หลังจากที่รัฐบาลประกาศขึ้นภาษีบุหรี่ และเหล้าทำให้นักท่องเที่ยวพยายามลักลอบนำเหล้าและบุหรี่จากเกาะลังกาวี รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย เข้ามาโดยเกาะลังกาวี เป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าประเภทเหล้า และบุหรี่แหล่งใหญ่ และมักจะมีผู้ลักลอบนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาในประเทศตลอด เนื่องจากราคาถูกกว่าเมืองไทยมาก

วานนี้ พ.ต.ท.วรินทร์ วันธงชัย สว. สถานีตำรวจน้ำ 3 กก.9 บก.รน. ได้สนธิกำลังตรวจค้นประชาชนที่กลังจากเกาะลังกาวี ผ่านทางท่าเรือ ตำมะลัง อ.เมือง จ.สตูล แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันได้ขึ้นบัญชีกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่มีพฤติกรรมค้าเหล้า และบุหรี่เถื่อนด้วย

ที่มา หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 14 พ.ค. 2552